ถ้าพูดถึงสาหร่ายที่ชาวบ้านในแถบภาคเหนือนำมาปรุงเป็นอาหารแล้วล่ะก็ แน่นอนว่าทุกครอบครัวที่เป็นคนเหนือแท้ ๆ จะรู้จักอาหารจานเด็ดที่เรียกกันว่า "ยำเตา" อาหารจานนี้ทำมาจากสาหร่ายเตา ซึ่งเป็นสาหร่ายสีเขียวสด มีลักษณะเป็นเส้นสาย มีเมือก-ลื่น ๆ ล้างให้สะอาด แล้วนำมาใส่เครื่องยำ ซึ่งได้แก่ มะเขือแจ้หรือมะเขือพวงลูกเล็ก ๆ หั่นเป็นแว่น ตะไคร้ซอย หอมแดงซอย พริกขี้หนูซอย น้ำมะนาว น้ำปลา บางแห่งอาจใส่น้ำปู ปลาต้มหรือปลาย่างลงไปด้วย แล้วรับประทานกับข้าวเหนียวร้อน ๆ อร่อยอย่าบอกใคร! แต่สำหรับคนน่านและคนเชียงของ จังหวัดเชียงราย เขามีสาหร่าย “ไก” ซึ่งเป็นสาหร่ายสีเขียว มีลักษณะเป็นเส้นสายคล้ายสาหร่ายเตา มาเป็นอาหารอย่างหรูเริ่ดกว่า เพราะในปัจจุบันเขาพยายามจะแปรรูปสาหร่าย “ไก” เป็นอาหารหลากชนิด เพื่อหาตลาดที่สามารถจำหน่ายได้กว้างขวางขึ้น เพื่อให้เป็นอาชีพที่มั่นคงของชาวบ้านในละแวกนั้น ๆ ทีเดียว
“ไก” เป็นสาหร่ายน้ำจืดที่ขึ้นอยู่บนก้อนหินในน้ำไหลเอื่อย ๆ ที่ค่อนข้างใสและเป็นน้ำที่มีคุณภาพดี “ไก” มีลักษณะเป็นเส้นสายยาวสีเขียวสด พบมากในฤดูหนาวจนถึงฤดูฝน ระหว่างเดือนพฤศจิกาถึงเดือนพฤษภาคมของทุกปี แหล่งน้ำบริเวณที่มีสาหร่ายไกมาก
เป็นพิเศษในประเทศไทยนั้นมี 2 แหล่ง คือ
เป็นพิเศษในประเทศไทยนั้นมี 2 แหล่ง คือ
- แม่น้ำน่าน จังหวัดน่าน ตั้งแต่ต้นน้ำที่อำเภอทุ่งช้างเรื่อยไปจนถึงแม่น้ำ น่าน
อำเภอเวียงสา แต่จะมีมากที่สุดที่อำเภอท่าวังผา
- แม่น้ำโขง บริเวณอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย
“ไก” จะมีอยู่ 3 ชนิด คือ
1. ไกเหนียวหรือไกค้าง มีสีเขียวเข้มยาว ไม่แตกแขนง เนื้อไม่ฟู มีน้ำหนักพอสมควร
ยาวประมาณ 2 เมตร
2. ไกเปื้อยหรือไกไหม เกาะหินเป็นกระจุกแล้วกระจาย แผ่ออกไปเป็นเส้นเล็กฝอยมีจำนวนเส้นมาก
เส้นเหนียวและลื่น สีเขียวซีดยาวประมาณ 80 เซนติเมตร
3. ไกต๊ะ ลักษณะออกเป็นกระจุกอยู่ปนกับไกไหม เส้นสั้นและมีความลื่นมาก
การเก็บสาหร่ายไกจากแหล่งน้ำธรรมชาตินั้น ชาวบ้านจะรอให้สาหร่ายเจริญเต็มที่ซึ่งจะมีขนาดยาวมากตั้งแต่ครึ่งเมตร ไปจนถึง 4 - 5 เมตร โดยการ "จกไก" ซึ่งก็คือ การดึงสาหร่ายที่มีขนาดยาวพอเหมาะออกจากก้อนหินแล้วส่ายไปมาในน้ำให้ดินหรือสิ่งที่เกาะมาหลุดออกไป พาดไว้บนท่อนแขน สะสมไปเรื่อย ๆ จนมากพอก็จะม้วนให้เป็นกลุ่มก้อน นำไปตากหรือแปรรูปเป็นอาหารชนิดต่าง ๆ ต่อไป
จากความมากมายของสาหร่ายไกในลำน้ำน่านและลำน้ำโขงนี้เอง ทำให้เกิดภูมิปัญญาชาวบ้าน นำสาหร่ายเหล่านี้ไปแปรรูปเป็นอาหารมากว่า 100 ปี อาหารดั้งเดิมที่ชาวบ้านทั้ง 2 แหล่งน้ำ ทำมาจากสาหร่ายชนิดนี้ คือ “ไกยี” และ "ห่อนึ่งไก” ซึ่งมีหน้าตาคล้าย ๆ กันทั้ง 2 ชุมชน “ไกยี” นั้นทำได้โดยนำสาหร่ายไกมาตากให้แห้ง แล้วนำมาผิงไฟให้กรอบ จากนั้นก็ใช้มือบดขยี้ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “ยี” ให้สาหร่ายแตกออกเป็นแผ่นเล็ก ๆ หรืออาจจะให้เล็กจนเกือบป่นเลย หลังจากนั้นนำมาปรุงรสด้วย เกลือ และงาขาวคั่ว จะได้ “ไกยี” ที่มีรสชาติดี หอมทั้งกลิ่นธรรมชาติของสาหร่ายและงาคั่วรสเค็มปะแล่ม ๆ ทานกับข้าวเหนียวร้อน ๆ ส่วนห่อนึ่งไกนั้นทำคล้ายกับห่อหมก เพียงแต่เปลี่ยนจากปลามาเป็นสาหร่ายไกสด คลุกกับน้ำพริกแล้วนำไปนึ่งก็อร่อยไม่แพ้ห่อหมกเลยจริง ๆ ต่อมาก็มีการประยุกต์โดยการแปรรูปสาหร่ายไกให้เป็นสาหร่ายแผ่นกรอบ โดยนำสาหร่ายไกที่ตากแห้งปรุงรสด้วยเกลือ กระเทียม มาทอดให้กรอบ สามารถจำหน่ายได้และขายดีทีเดียว ข้าวเกรียบไกก็เป็นสินค้าอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งปรุงง่ายและขายง่าย นอกจากนี้ยังมีบะหมี่ไก ข้าวตังหน้าสาหร่ายไก กะหรี่ปั๊บไส้สาหร่ายไก คุกกี้สาหร่ายไก กรอบเค็ม กล้วยตากผสมสาหร่ายไก หรือแม้กระทั่งน้ำพริกไก ซึ่งผลิตภัณฑ์ทุกอย่างก็ได้ทยอยออกมาจำหน่าย แต่เป็นการจำหน่ายภายในชุมชน ตัวเมือง หรือภายในจังหวัดที่ตนเองอยู่ บางครั้งอาจมีการจำหน่ายไปยังจังหวัดอื่น ๆ แต่ก็ไม่บ่อยนัก และมักจะเป็นช่วงสั้น ๆ ทั้งนี้เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่ออกมายังต้องมีการปรับปรุงบ้างในเรื่องคุณภาพ ที่ไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน มักจะหายกรอบหรือมักจะมีกลิ่นหืน รวมทั้งผลิตภัณฑ์ยังมีความหลากหลายเฉพาะกลุ่ม ซึ่งต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายในกลุ่มอื่น ๆ ให้มากขึ้น และเพื่อจำหน่ายได้กว้างขวางกว่าปัจจุบัน
คุณค่าของสาหร่ายไก มีปริมาณโปรตีนสูงกว่าปลาน้ำจืดทั่วไป ทดแทนการกินปลาได้เป็นอย่างดี และที่โดดเด่นคือ มีซิลีเนียม ซึ่งเป็นสารป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระสูงมาก มีเบต้าแคโรทีนที่มากกว่าแครอทถึง 4 เท่า ช่วยลดคลอเลสเตอรอลจึงไม่ทำให้อ้วน นอกจากนั้น ชาวบ้านมีความเชื่อว่า การทานสาหร่ายไกนี้ จะทำให้ร่างกายกระชุ่มกระชวย ผมดกดำ ไม่หงอกง่าย และชะลอความแก่
ถ้ามองด้านสรรพคุณทางยาก็จะพบว่าสาหร่ายไก มีฤทธิ์ต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหารได้ นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มยับยั้งการหดเกร็งของกล้ามเนื้อเรียบ ขยายหลอดลม ต้านการอักเสบ ระงับปวด และลดความดันโลหิตได้ด้วย ซึ่งสรรพคุณดังกล่าวน่าสนใจมากทีเดียว
เมื่อรู้คุณค่าและประโยชน์ของสาหร่ายไกดังนี้แล้ว ก็ขอเชิญชวนทุกท่านหันมาบริโภคสาหร่ายไกกันให้มากยิ่งขึ้น เพราะเป็นผลดีทั้งต่อผู้บริโภคเองและผู้ผลิตในชุมชนด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น